สืบเนื่องจากตอนที่แล้ว ตอนไหน ? ก็ตอนที่ข้าพเจ้าเขียนถึงฮ่องเต้ผู้เป็นยอดแห่งความประหยัดอย่างไร... วันนี้ข้าพเจ้าก็จะกล่าวสืบเนื่องในเหตุการณ์ยุคนั้น เมื่อฮ่องเต้เต้ากวงเริ่มประหยัดเริ่มปฏิวัติครัวหลวงท่านก็ไปต้องลิ้นกับอาหารอย่างหนึ่งซึ่งเรียกว่า ตับหมูยัดไส้ ท่านได้สั่งให้คนออกไปดูและจดจำวิธีการทำอาหารของร้านนั้นและนำมาปรุงในวังเพื่อเป็นการประหยัด เพราะท่านคิดเอาเองว่าอาหารชาวบ้านต้องธรรมด๊าธรรมดาไม่แพงเลิศหรือราคาหูฉี่นัก และคาดว่าท่านคงทรงโปรดปรานอาหารชนิดนี้เป็นทุนเพราะมิฉะนั้นแล้วก็คงไม่สามารถกินได้ทุกวันอย่างแน่นอน แต่เมื่อบัญชีรายรับรายจ่ายออกมาท่านก็ต้องตบโต๊ะผางแล้วกริ้วหนักเพราะค่าใช้จ่ายไม่ได้น้อยลงเลยแต่กลับกลายเป็นแพงกว่าเดิมท่านจึงเรียกคนมาถามซึ่งเหตุผล ท่านจึงได้รับคำตอบว่าตับหมูที่ทำในวังนั้นต้องแพงเพราะ หมูตัวเดียวมีตับหนึ่งอัน เมื่อจะเอาตับก็ต้องฆ่าหมู
"แล้วเนื้อหมูล่ะวะ เนื้อหมูหายไปไหน" เต้ากวงโกรธพิโรธเอามือชี้หน้าเสนา
"เนื้อหมูก็ต้องทิ้งไปเพราะกฏมณเฑียรบาลของเรา ไม่มีใครกินของที่ทำถวายองค์ฮ่องเต้ต่อได้พะยะมะห่ะ" เสนาว่า
"แล้วทำไมเนื้อหมูไม่เอามาทำอาหารอะไรอย่างอื่นเล่า" ฮ่องเต้เริ่มโมโหมากขึ้น
"เพราะพระองค์ไม่ได้สั่ง" เสนาตอบ
"ไอ้สัตว์" ฮ่องเต้ว่า
ดังนั้นท่านจึงสั่งให้ปิดครัวไปเลยถ้าคนรับคำสั่งมันโง่เง่าเต่าตุ่นอย่างนี้แทนที่จะได้ของถูกกลับแพง ตับหมูยัดไส้ ชาวบ้านซื้อกินชามละไม่กี่บาทกี่เฟื้องกลับกลายเป็นแพงเกินราคาที่คาดการณ์ก็ต้องปิดครัวไปจึงจะดีแล้วท่านก็สั่งว่า ต่อจากนี้ไปไม่ต้องให้ครัวหลวงทำอะไรไม่ต้องสั่งของเข้ามาเพราะถ้าฮ่องเต้และสนมนางในจะกินอะไรก็ไปซื้อเอาจากข้างนอก แต่การก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้นเพราะมีกฏมณเฑียรบาลเขียนไว้เป็นตัวอักษรชัดว่า "ห้ามฝ่ายในซื้อของหรืออาหารเข้ามาจากภายนอก อาหารการกินของฝ่ายในต้องทำออกมาจากครัวหลวงทั้งสิ้น" กฏนี้มีมาตั้งแต่สมัยไหนข้าพเจ้าไม่ทราบแต่คิดว่าจำเป็นต้องมี เพราะภัยอันตรายมันเยอะไม่เหมือนอาหารที่มาจากฝ่ายในที่คัดสรรแล้วแต่ของดี ๆ อาหารแต่ละอย่างแต่ละชิ้นต้องตรวจสอบละเอียดยิบว่ามีเมลามีนหรือสารตกค้างกระทั่งสารพิษไหม เพื่อความปลอดภัยของฮ่องเต้และโคตรวงศ์ ดังนั้นสิ่งที่เต้ากวงคิดจึงเป็นไปไม่ได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน
แต่ก็ไม่ลำบากอะไรเมื่อเต้ากวงย้อนถามว่า "กฏมณเฑียรบาลมีไว้เพื่ออะไร"
"มีไว้เพื่อทำนุบำรุงและปกป้องพระองค์พระเจ้าข้า"
"ดี ถ้าอย่างนั้นก็แก้ซะ เพราะการที่ข้าต้องการให้ไปซื้อของสำเร็จรูปมาแดกเพื่อรักษาดุลย์การเงินในวัง"
"มันเป็นกฏมณเฑียรบาลพระเจ้าข้า แก้ไม่ได้ง่าย ๆ "
"กฏมณเฑียรบาลสร้างขึ้นโดยใคร"
"โดยบูรพกษัตริย์องค์ก่อน ๆ พระเจ้าข้า"
"ดังนั้นข้าก็มีสิทธิที่จะแก้ได้เพราะข้าคือกษัตริย์ปรัตยุบัน" (เอากับมันซิ)
สุดท้ายกฏมณเฑียรบาลข้อนั้นก็ถูกลบออกอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้กำลังภายในใด ๆ ผลักดันเลย ฮ่องเต้บอกว่าให้แก้ไขก็ต้องแก้ไขหรือใครจะกล้าเถียง...
ถ้าใครดูละครพีเรียดมาบ้างก็จะทราบและเคยเห็นผ่านหูผ่านตามาบ้างว่าละครหลายเรื่องตัวละครหลายตัวมีปัญหากับกฏมณเฑียรบาลมากมายเหลือเกิน ซึ่งแต่ก่อนคนไทยอาจจะได้เห็นจากแค่ละครจีนแต่วันนี้ละครเกาหลีเข้ามาเราก็คงได้เห็นจากละครเกาหลีมากมายพอดู กฏมณเฑียรบาลบางทีก็เป็นปัญหามากกว่าจะเป็นประโยชน์แต่จะไม่มีมันก็ไม่ได้เพียงแต่ถ้าคนรู้จักผ่อนปรนไม่ใช่ปล่อยให้กฏมารัดคอมันจะเป็นสิ่งที่ดี และที่สำคัญกฏนี้มันสร้างขึ้นด้วยคนดังนั้นถ้ามันจะแก้ไขก็ต้องเป็นคนและตั้งแต่ดูมาก็เห็นแก้กันได้เกือบทุกเรื่องแม้กฏสำคัญอย่างหนึ่ง
ในยุคต้นราชวงศ์ชิงมีกฏข้อหนึ่งคือ "ห้ามเชื้อพระวงศ์แต่งหญิงฮั่น" เพราะในยุคแรกนั้นนูรฮาฉีกับหวงไท้จี๋เป็นไท่จงไท่จู้ได้เล็งเห็นว่าการแต่งเอาชาวฮั่นเข้ามาในราชวงศ์จะเกิดปัญหาเพราะระยะแรกแมนจูยังไม่แข็งแรงและเสถียรภาพถ้าแต่งหญิงฮั่นเข้าวงศ์มาจะทำให้เลือดแมนจูแท้ ๆ เสียไป ที่เขากลัวเช่นนั้นเพราะกลัวว่าถ้าเผลอไปมีกษัตริย์เป็นเลือดชาวฮั่นแล้วกษัตริย์คนนั้นจะรักษาผลประโยชน์ฮั่นมากกว่าแมนจูนั่นเอง แต่สุดท้ายแล้วก็กฏที่ดูเหมือนจะสำคัญมากนี้ก็ต้องถูกแก้ไขในรัชสมัยคังซีเพราะพระองค์นิยมในตัวหญิงฮั่นมากเมื่อย่าของพระองค์ตายไปแล้วจึงแก้กฏนี้โดยให้เหตุผลว่า "ฮั่นกับแมนจูพี่น้องกันใช่ใครอื่น" แต่คังซีก็ระมัดระวังในการคัดเลือกผู้สืบสานสันตติวงศ์ปัญหาที่น่ากลัวจึงไม่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็มีข่าวลือและตำนานมากมาย โดยเฉพาะมีคนเชื่อว่า ฮ่องเต้หย่งเจิ้นและเฉียนหลงเป็นลูกผสมชาวฮั่นหาใช่แมนจู
สิ่งที่ข้าพเจ้าจะสื่อออกมานั้นเพียงเพราะอยากให้เห็นว่ากฏทุกอย่างบนโลกนี้ไม่ว่าใครจะมองว่ามันหนักแน่นปานขุนเขาหรือบางเบาเพียงขนนกมันสามารถแก้ได้หมดสิ้นถ้าคนจะทำและมีเหตุผลพอไม่ว่าจะเป็นกฏหมายหรือกฏมณเฑียรบาล ประวัติศาสตร์สอนให้ข้าพเจ้ารู้ว่าไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้เพียงแต่คนจะกล้าแก้มันหรือไม่และบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องการแก้หรือไม่เท่านัน้เอง แต่ประวัติศาสตร์ก็สอนข้าพเจ้าอยู่เองเหมือนกันว่า การแก้กฏหมายต่าง ๆ นั้นโดยเฉพาะกฏมณเฑียรบาลผู้ที่จะแก้ไขคือต้องการใช้ประโยชน์และมีผลประโยชน์ที่ตัวเองต้องการหรือเรียกได้ว่าแก้เพื่อสนองความสุขของตน คังซีแก้เพื่อจะเอาเมียฮั่น เต้ากวงแก้เพราะจะได้กินตับหมูราคาถูก ก็ไม่ต่างจากประเทศอื่น ๆ และที่อื่น ๆ ที่มีกฏหมายว่าด้วยกฏมณเฑียรบาล บางแห่งละเมิดกฏนั้นเสียเฉย ๆ อาทิว่า แต่งงานออกไปแล้วถือว่าสิ้นฐานันดรศักดิ์ทุกอย่าง แต่เอาเข้าจริงไม่มีที่ไปกลับมา ณ ประเทศสารขัณฑ์ก็บังคับให้คนกราบไหว้เหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่มีข้อกำหนดชัดเจนว่าแม้เป็นเจ้าแต่ถ้าแต่งออกไปก็สิ้นฐานันดรศักดิ์ถือว่าเป็นคนธรรมดา กฏมณเฑียรบาลบางประเทศแก้กันง่าย ๆ อย่างนั้นและตีลูกมั่วนึกว่าประชาชนไม่จดจำ แต่ในการกลับกันกลับไม่มีการแก้กฏหมายบางข้อที่ส่งผลกระทบถึงผู้คนทั้งประเทศโดยตรงโดยอ้างว่า... "มันคือกฏหมายสำคัญและเพื่อดำรงไว้ซึ่งความถูกต้อง"
แต่ไอ้ที่แก้ไปแล้วหรือทำเนียนไปแล้วบ้าง... อันนั้นไม่นับใช่หรือไม่...
แต่ข้าพเจ้าก็พอเข้าใจเพราะบางประเทศนั้นคำว่า กฏหมายเป็นเหมือนคาถาที่เอาไว้กันผีและผู้ที่ถือมันและบังคับใช้ก็ไม่ต่างจากหมอผี ถ้าผีไม่ลงหม้อก็เอาข้าวสารเสกสาดถ้าผีไม่ลงหม้อก็เอาหวายตีโดยที่หมอผีคนนั้นต้องการเพียงน้ำมันพรายจากบรรดาผีที่เขาทารุณกรรม มันคือความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งของโลกและสังคม
เมื่อสิ้นราชวงศ์แมนจูเรื่องเล่าเหล่านี้ก็กลายเป็นเพียงเรื่องเก่าเก็บที่ไม่ได้มีสาระสำคัญอันใด ไม่จำเป็นต้องเอามาหยิบอ่านซ้ำเพื่อตอกย้ำความเป็นไปในสังคมหรือบางคนก็อาจจะบอกว่ามันเป็นเรื่องของประเทศจีนไม่ได้เกี่ยวกับไทย แต่ถ้าเรามองและหยิบจับเอาแต่เพียงประเด็นก็จะเห็นถึงความคล้ายคลึงและนัยยะสำคัญโดยเฉพาะ "คนที่คิดจะแก้กฏหมายหรือกฏมณเฑียรบาลต้องได้ประโยชน์จากมันหรือต้องการเพียงจะหาประโยชน์และโกยความสุขใส่ตน" นี่คือพฤติกรรมที่เหมือนกันทั้งไทยจีน
วันนี้กฏหมายหลายมาตราของเราไม่เป็นธรรม แม้กระทั่งตัวรัฐธรรมนูญก็มีคนเรียกร้องให้ปรับเปลี่ยนปรับปรุงแก้ไข แต่ก็มีพวกเต่าล้านปีออกมาต่อต้านทั้ง ๆ ที่วันหนึ่งมันรับของโจรและส่งเสริมให้ฉีกรัฐธรรมนูญด้วยซ้ำไป และวันนี้ประเทศเราก็มีการต่อสู้เรื่องกฏหมายบางมาตราที่ไม่เป็นธรรมและแน่นอนก็มีพวกเต่าล้านปีออกมาโต้ว่า "มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้" ทั้ง ๆ ที่คนเรียกร้องไม่ได้ต้องการให้ยกเลิกเพียงแต่ให้มีการปรับปรุงและทำให้ชัดเจน แต่ก็เป็นเรื่องยากเพราะบังเอิญว่าคนถือกฏหมายและคนที่มีสิทธ์จะแก้กฏหมายนี้ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับการกระทำ แม้เพียงจะให้กฏหมายถูกบังคับใช้อย่างเป็นธรรมยังไม่เคยจะมี
คนพูดผิดพลาด ติดคุก คนพูดลิเก ติดคุก ศัตรูคนไม่ชอบหน้า แกล้งให้ติดคุก แต่ถ้ากฏหมายนี้มีการบังคับใช้อย่างเป็นธรรมแล้วล่ะก็จะเห็นได้ชัดว่าแม้คนที่ไม่ใช่แดงก็ต้องเข้าคุกกันอีกมากหลายทีเดียวแต่วันนี้กฏหมายตัวนี้ปฏิรูปปรับปรุงไม่ได้เพราะมันเป็นกฏหมายที่เอาไว้กลั่นแกล้งคนเสื้อแดงและเป็นกฏหมายที่ใส่ร้ายคนเสื้อแดงที่ดีที่สุด
ดังนั้นถ้าคนแก้กฏหมายหรือเพียงปรับปรุงต้องเสียอำนาจที่ต้องการไป แล้วจะมีการแก้ไขได้อย่างไรใครเล่าจะยอมเสียผลประโยชน์ของตนเอง จริงไหมพระคุณท่าน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น