วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554
จดหมายจากคลองกระจง (ฉบับแค้นฝังหุ่น) ถึง นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ
ในที่สุดก็ได้ฤกษ์งามยามดีในการเขียนจดหมายจากคลองกระจงฉบับนี้ ฉบับนี้เป็นคิวของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ข้าพเจ้าตั้งท่าจะเขียนหามานาน แต่แล้วก็ไม่ได้เขียนสักทีเพราะกลัวเนื้อหาจะดุเดือดเกินความเป็นสุภาพชนจะรับกันได้ วันนี้ก่อนจะเขียนข้าพเจ้าปรับอารมณ์หยิบหนังสือธรรมะเจริญภาวนา เมื่อเข้าสู่ความนิ่งแล้วจึงหันหน้าหาแป้นพิมพ์เพื่อเขียนศุภอักษรถึง นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ข้าพเจ้าได้ยินชื่อของคน ๆ นี้มาตั้งแต่เด็กตัวเล็กน้อยเพราะในช่วงนั้นมีข่าวใหญ่หลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนายคนนี้และเห็นที่จำได้ติดหูติดตาที่สุดคือ คดี สปก. ๔ - ๐๑ เมื่อนึกถึงคดีนี้ทีไรข้าพเจ้าก็แปลกใจเหลือเกินเมื่อเอามาเทียบเคียงกับคดีที่ดินรัชดาของ พตท. ดร. ทักษิณ เพราะนายสุเทพเป็นคนหนึ่งที่ชอบเรียกทักษิณจนติดปากว่า นักโทษชาย ทั้ง ๆ ที่นายสุเทพรู้ดีว่าคดีที่ดินรัชดาของทักษิณนั้นเมื่อเอามาเทียบกับความผิดที่สุเทพเคยทำไว้ตอน สปก. ก็เรียกได้ว่าถ้าทักษิณเป็นนักโทษ นายสุเทพก็มีความผิดถึงขั้นนักโทษอุกฉกรรจ์ต้องโทษประหารเจ็ดชั่วโคตรเลยทีเดียว
และนายสุเทพก็เป็นบุคคลที่ข้าพเจ้าแปลกใจเสมอเพราะเหมือนว่าเขานั้นไม่เคยรู้จักจดใจและแก้ไขความผิดของตัวเอง ตอนนั้นมีปัญหาเรื่อง สปก. เมื่อไม่นานที่ผ่านมาก็มีปัญหากับที่ดินบุกรุกเขตต้นน้ำอย่างเขาแพงและดูเหมือนคดีนี้จะหายเข้ากลีบเมฆไป ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่านายสุเทพติดอกติดใจอะไรกับการฉ้อฉลเรื่องที่ดินนักหนาหรือจะเป็นเพราะว่าเขามีนามสกุลว่า "เทือกสุบรรณ" น่าจะแปลว่า เทือกเขา เลยต้องฮุบที่ป่าที่เขาเยอะ ๆ เอาไว้ทำหลุมศพของตัวเองและโคตรวงศ์ แต่เมื่อโตมาเริ่มสนใจการเมืองก็รู้ว่านายสุเทพมิได้มีดีแค่เรื่องโกงกินที่ดินหลวง เขายังโกงกินอย่างอื่นจนหน้าดำตัวอ้วนขึ้นทุก ๆ วัน และก็เรียนรู้ได้จากการดูนายสุเทพให้สัมภาษณ์ว่า คนปากหมาสันดานไพร่นั้นเป็นเช่นไร ถือว่าเปนเรื่องน่าชมเชยนะครับที่นายสุเทพแม้วันนี้จะเป็นคนใหญ่คนโตในประเทศ ใส่สูทหรูขี่รถแพง แต่ไม่เคยลืมกำพืดของตัวเอง เพราะภายนอกแม้ดูโก้หร่านแต่เวลาอ้าปากก็จะกลับคือฐานะคนปากหมาสันดานไพร่เยี่ยงบรรพบุรุษของเขาเอง เป็นคนที่ไม่ลืมกำพืดจริง ๆ
ไม่เพียงเท่านั้น นายสุเทพยังสร้างปรากฏการณ์แย่งเมียเพื่อน สวาปาล์ม แต่เรื่องเหล่านั้นก็ดูเล็กในสายตาของข้าพเจ้าเพราะข้าพเจ้ารู้ว่าสันดานนักการเมืองก็คงไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าเกลียดชังนายสุเทพนั้นก็คงเป็นเรื่องคดีของ จ่าเพียร เพราะถ้าเราจำกันได้และย้อนรฤกชาติดูก็จะรู้และจำได้ทันทีว่า จ่าเพียรที่ต้องเสียสละนั้นเพราะนายสุเทพเป็นต้นเหตุ ไปล้วงลูกการโยกย้ายโผตำรวจจนทำให้คนดี ๆ ต้องจากโลกนี้ไป ดังนั้นเมื่อตอนที่เขาออกมาแสดงความเสียใจที่แบล็กฮอล์คตก ข้าพเจ้าถึงพูดออกมาว่า "ทุกคนในประเทศไทยมีสิทธ์แสดงความเสียใจกับเรื่องนี้ แต่นายสุเทพไม่มีสิทธิ์" เพราะเขามีจิตใจที่โหดเหี้ยมกลั่นแกล้งเอาแต่พวกพ้องจนจ่าเพียรต้องจากโลกนี้ไปอย่างโดนกลั่นแกล้งและความไม่เป็นธรรมของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สมัยก่อนนั้นข้าพเจ้าคิดว่า ทักษิณ นั้นเลวร้ายแล้วแต่มาวันนี้เมื่อเอา นายสุเทพ มาเทียบเคียง มันเปรียบได้ว่า ทักษิณเป็นเจ้าชาย และ สุเทพ เป็นโจรร้ายกันเลยทีเดียว
ประเด็นสำคัญที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องเขียนจดหมายถึงก็เพราะวันนี้มีข่าวเรื่องการพบศพปริศนาที่จังหวัดระยองและมีเสียงสะท้อนออกมาว่า ศพเหล่านี้อาจจะเป็นศพคนเสื้อแดงที่สูญหาย ดังนั้นจึงเกิดแรงกระเพื่อมเป็นวงคลื่นที่กว้างไปเรื่อย ๆ จนทำให้วงกระเพื่อมของคนเสื้อแดงและวงกระเพื่อมของประชาธิปัตย์และกองทัพบกมากระทบกัน ข้าพเจ้าตั้งใจฟังสิ่งที่ ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์อย่างใจจดจ่อเพราะอยากรู้นักว่าเขาจะตอบอะไรและใส่อารมณ์ร้าย ๆ กับนักข่าวหรือเปล่า แต่ปรากฏว่า ผบ.ทบ. ตอนนี้คงเหมือนเรียนรู้อะไรหลายอย่างมีประสพการณ์มากขึ้น เขาจึงตอบออกมาได้ดีพอสมควรกับคนอย่างเขา แต่คนที่ข้าพเจ้านึกไม่ถึงว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เสียอีกกลับออกมาพูดจาได้สมกับเป็น "คนปากหมาสันดานไพร่" เสียเหลือเกิน แน่นอนครับเมื่อจดหมายฉบับนี้เขียนถึง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คนที่ผมเอ่ยไว้ก็คงจะหนีใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่มัน...
นายสุเทพออกมาปฏิเสธเสียงแข็งและชี้ว่านี่คือศพของคนที่ประสพภัยพิบัติตั้งแต่คราวพายุเกย์ บลา บลา บลา ก่อนจะตบท้ายว่า "เรื่องทั้งหมดนี่ที่เขาทำให้เป็นเรื่องเพราะคนพวกนั้นเพียงแค่ต้องการจะใส่ร้ายผม" ในเครื่องหมายคำพูดนั้นเป็นวาจาที่หลุดออกมาจากปากของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ข้าพเจ้าตะลึงงันอ้าปากค้างขนลุกชันปลายนิ้วเกร็งนิ้วเท้าจิกลึกลงไปบนพื้นกระเบื้องยาง ข้าพเจ้าสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะแผดเสียงออกมาเพื่อต่อต้านสิ่งที่ได้ยินจากโทรทัศน์ ข้าพเจ้าเปล่งเสียงออกมาว่า
"ไอ้สัตว์เดรัจฉาน !!!" คำ ๆ นี้เป็นคำสุภาพที่สุดแล้วเป็นคำที่มีความหมายเบาที่สุดที่จะนิยามความเป็น สุเทพ เทือกสุบรรณ
นายสุเทพเป็นผู้หนึ่งที่เป็นแนวร่วมการสังหารหมู่ที่โหดเหี้ยมที่สุดในประเทศชาติ จริงอยู่แม้เหตุการณ์ตุลาจะรุนแรงและยาวนานชุลมุนดูอลเวงกว่านี้แต่ในตอนนั้นประเทศเรารู้กันอยู่ว่าตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการ มันเป็นสิ่งที่นักศึกษายุคนั้นรู้ดีและเตรียมใจไว้ตั้งแต่ต้น แต่ในยุคนี้ยุคที่ประชาธิปไตยเบ่งบานแตกหน่อจนโตเต็มที่ แม้นายสุเทพไม่ต่อต้านการรัฐประหารแถมเป็นเชื้อร้ายที่การรัฐประหารแพร่พันธ์ไว้ แม้ไม่ต่อต้านก็ไม่ควรเห็นดีเห็นงามกับการยิงคน ราชประสงค์นั้นเคยเป็นสมรภูมิเลือดในกบฏแมนฮัตตันที่ทหารบกกับทหารเรือยิงกัน แต่ก็ไม่เคยเป็นสมรภูมิที่ทหารบกถือปืนไล่ยิงประชาชนอย่างเหี้ยมเกรียม และภายใต้ความโหดร้ายนี้ นายสุเทพเป็นผู้กำกับการทุกขั้นตอน นายสุเทพไม่เคยแสดงความเสียใจไม่ว่ากัน แต่อย่าได้อาจหาญออกมาพูดว่า "นี่คือการใส่ร้าย"
นายสุเทพไม่เคยยอมรับทหารใช้กำลังใส่ประชาชนก่อนและไม่เคยยอมรับว่าทหารใช้อาวุธจริงและไม่เคยยอมรับว่าใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมแถมไม่เคยยอมรับว่าตัวเองอมที่หลวงโกงปาล์มอมเขาและอมเมียเพื่อน นายสุเทพไม่เคยยอมรับอะไรแม้แต่เรื่องเดียวแต่เมื่อมีใครกล่าวถึงความผิดต่าง ๆ ของมัน มันก็จะตอบแค่ว่า "มันเป็นเรื่องใส่ร้าย" แล้วทำตัวเป็นเตมีย์ใบ้ให้เรื่องจมหายไปกับกระแสที่ค่อย ๆ ถูกตั้งใจให้ลบเลือน
ข้าพเจ้าอยากถามนายสุเทพกง ๆ ว่า "คุณเคยรับผิดชอบอะไรบ้างไหม" และต่อด้วยคำถามว่า "คุณสะกดคำว่า รับผิดชอบ ถูกเหรอเปล่า" และทิ้งท้ายด้วยคำถามว่า "คุณยังมีความเป็นมนุษย์หลงอยู่ในตัวไหม"
คนที่ทำเรื่องเลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนายสุเทพได้ ข้าพเจ้าสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าไม่มีความเป็นแม้ซักกระพีกในเลือดหรือในเซลล์ใด อาจจะไม่เคยมีความเป็นมนุษย์มาตั้งแต่ดีเอ็นเอรุ่นพ่อรุ่นแม่ นายสุเทพถึงได้หาญกล้าทำเช่นนี้ ยิงคนตายไม่รับผิดชอบแถมกล่าวหาว่า "คนใส่ร้าย" ถ้าจิตใจไม่สามานย์จริง ทำไม่ได้...
ถ้าไล่เรียงเรื่องราวเมื่อคราราชประสงค์และพื้นที่รอบด้าน ก็คงเขียนเป็นหนังสือได้หลายเล่มและจากผู้เขียนหลายคนแต่ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าสิ่งที่นักเขียนหลายคนนั้นจะเขียนตรงกันคือ มีคำให้การจากพยานว่า ทหารยิงประชาชนแล้วแบกขึ้นรถ ทหารยิงประชาชนแล้วยิงคุ้มกันศพเพื่อไม่ให้คนเข้าไปเอาศพได้ และเรื่องราวเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งเดียว มันเกิดขึ้นวันต่อวันและวันละหลาย ๆ รอบ ดังนั้นลองคิดดูไหมว่าปริศนาทหารยิงคนแล้วแบกขึ้นรถมีจำนวนกี่คน นายสุเทพเคยตระหนักและคิดถึงเรื่องนี้ไหม เคยเอาเรื่องนี้มาคิดในเชิงใจเขาใจเราบ้างหรือไม่ ถามไปก็สองไพเบี้ย เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า คนอย่างคุณมันไร้หัวใจและไร้สำนึกผิดชอบชั่วดี
และที่สำคัญ สุเทพ คุณจงจำไว้ คนตายก็ตายไปแล้วเขาเป็นศพไปแล้ว ถ้าคุณไม่มีสำนึกใด ๆ เลยก็ขอให้สวมวิญญาณสัตว์ที่มีวัฒนธรรมสักนิดก็ยังดี เพราะคนที่มีวัฒนธรรมจะรู้ว่า "ไม่ควรหากินหรือเอาศพมาเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ตน" วันนี้สิ่งที่คุณพูดคือกำลังหากินกับศพและเอาศพเป็นเครื่องมือในการปกป้องตัวเอง ถ้าความเป็นคนไม่มีเหลือแล้วก็กรุณารักษาความเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวัฒนธรรมไว้บ้างนะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อย่าให้เกิดมาแล้วชีวิตหาดีให้กับชีวิตไม่ได้เลย
วันหนึ่งข้อเท็จจริงก็ต้องได้รับการพิสูจน์ออกมา ไม่ต้องรีบเกาะศพและหากิน คนเสื้อแดงที่เขาสงสัยเพราะเขามีสิทธ์สงสัยเพราะข่าวลือว่าทหารขนศพไปทิ้งตามจุดต่าง ๆ มันมากมายถ้าจะเรียงคำเล่าลือพวกนั้นเป็นตัวอักษร คงปูลาดได้ตั้งแต่ทุ่งลุมพลียันมะขามหย่อง ดังนั้นอย่าออกมาตอบโต้อย่าง คนปากหมาสันดานไพร่ และอย่าได้ริอ่านหากินกันศพเกาะศพเป็นเกราะกำบังกายอีกเลยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ข้าพเจ้าเสียใจอย่างยิ่งที่ต้องเกิดมาร่วมผืนปฐพีกับคนอย่างท่าน แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะข้าพเจ้าจารึกสิ่งที่ท่านทำลงไว้เพื่อสอนลูกหลานในรุ่นต่อไปว่า ถ้าไม่อยากถูกคนทั้งสามโลกสาปแช่ง อย่าริอ่านทำตัวอย่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ ถ้าไม่อยากให้ใครทั้งสามโลกมองว่าเป็นคนรกโลก ขยะสังคม ก็อย่าได้เอานายสุเทพ เทือกสุบรรณเป็นเยี่ยงอย่าง
สวัสดี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น