วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จดหมายจากคลองกระจง ถึง นายสนอง เทพอักษรณรงค์ (สมาชิกภูมิใจไทย ลูกน้องยี่ห้อยร้อยยี่สิบ)





ข้าพเจ้าอ่านหนังสือประวัติศาสตร์มาก็หลายเล่มโดยเฉพาะประวัติศาสตร์ด้านเอเซียแต่จะหนักไปทางจีน   ข้าพเจ้าอ่านมานานจนสังเกตได้ว่าจุดล่มสลายของแต่ละราชวงศ์ของจีนนั้นมีจุดจบคล้าย ๆ กัน   นั่นคือ ความอดอยาก  แม้จะมีเรื่องราวมากมายเรียงร้อยแต่เพราะความอดอยาก  ฮ่องเต้ไม่ฟังเสียงประชาชนคนจึงลุกขึ้นแล้วก่อการ  สามก๊กก็ใช่  ราชวงศ์ฉินก็เป็น  ราชวงศ์หมิงอีกล่ะ  เกือบทั้งนั้นมาจากเหตุผลเริ่มต้นอันเดียวกัน  

ความอดอยาก  เป็นสิ่งที่โหดร้ายไม่ว่าจะเกิดในแง่มุมไหนของโลก  ภาพที่ชินตาของข้าพเจ้าก็คงเป็นภาพเด็กที่เอธิโอเปียที่กำลังหิวโหยเนื้อตัวแห้งจนติดกระดูก  แม่นมเหี่ยวแห้งเป็นถุงกาแฟไม่มีน้ำนมสักหยดที่หยาดลงมาแตะแต้มให้ชีวิตลูก   มันเป็นภาพที่โหดร้ายจริง ๆ สำหรับเมืองไทยก็มีนะครับถ้าจำกันได้  ในตอนที่ข้าพเจ้ายังเด็กเล็กหรือเมื่อเกือบสามสิบปีที่แล้ว  เมืองไทยมีเด็กกินดิน  อดอยากจนต้องกินดิน  ไม่แน่ใจว่า กาฬสินธ์ หรือ ศรีษะเกษ  ใครรู้ช่วยให้ความกระจ่าง  ดังนั้นสิ่งเดียวที่จะเยียวยาได้คือการช่วยเหลือ  แก้ไข  และเยียวยาสถานการณ์ต่อไป  ข้าพเจ้าไม่อยากได้ยินคำว่า  "แด่เด็กน้อยผู้หิวโหย"  อีก  ไม่ว่าจะที่ประเทศไทยหรือมุมไหนของโลก

คนเราจริง ๆ แล้วส่วนใหญ่มีธรรมชาติรักสงบ  ถ้ามีอาหารพอเพียงมีปัจจัยสี่ครบครันน้อยคนนักที่ร่านทุรน   อย่างเช่นตำนานของคนไทยเองตำนานการสร้างบ้านแปลงเมืองส่วนใหญ่ถ้าไม่หนีโรคระบาดก็หนีความหิวโหยแล้วอพยพ  ดังนั้นความอดอยากข้าวยากหมากแพงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญไม่ว่าจะยุคไหนเมืองไหน   ในยุคก่อนความอดอยากมาในรูปแบบที่ค่อนข้างตายตัว  น้ำท่วม  ตั๊กแตนลง  อากาศไม่เป็นใจ  หรือถูกรีดนาทาเร้น  มันมีรูปแบบสำเร็จรูปของมันแล้วแต่จะเกิดขึ้นที่ไหน  แม้จะมากับ สงคราม โรคระบาด  ก็เป็นรูปแบบที่ตายตัว  ทุกวันนี้ความอดอยากก็มาในรูปแบบที่ตายตัวเช่นกัน   ไม่ต่างจากอดีตมากมาย  แต่มันเพิ่มเติมอีกรูปแบบคือ  ข้าวยากหมากแพงเพราะรัฐบาลแก้ปัญหาไม่เป็นหรือไม่ก็เพราะมีคนอุบาทว์กำลังหากินกับความทุกข์ของคนที่ต้องประสพปัญหาข้าวยากหมากแพง  กักตุนสินค้า  กักตุนปาล์ม

ยุคนี้เราไม่พูดถึงเรื่องเหล่านี้ว่า  ปัญหาความอดอยาก  แต่จะเรียกให้เพราะขึ้นว่า  ปัญหาปากท้อง  ซึ่งทำให้มันฟังดูนุ่มนวลและดีขึ้น  

แต่ผลร้ายของปัญหาเหล่านี้ก็รุนแรงไม่แพ้อดีตกาล  อดีตกาลคนอดอยากรวมตัวกันตั้งกองทัพต่อต้านราชสำนัก  เป็นกบฏ  บ้างก็ทำสำเร็จบ้างก็ไม่สำเร็จแล้วแต่ความรุนแรงของปัญหาและเงื่อนไขของการกบฏ   แต่ยุคนี้ปัญหาปากท้องเป็นปัญหาสำคัญที่จะล้มรัฐบาลหรือตั้งรัฐบาลได้เลย   อย่างที่ผ่านมาก็ชี้วัดให้เห็นพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยแพ้อย่างหลุดลุ่ยเพราะปัจจัยข้าวยากหมากแพงปัญหาปากท้องเรื้อรัง   ดังนั้นประชาชนจึงคาดหมายว่ารัฐบาลและการเลือกตั้งเป็นทางออกและคำตอบที่มาในวันนี้คือ  พรรคเพื่อไทย

แต่พรรคเพื่อไทยก็ต้องเจอปัญหาใหญ่เพราะภัยที่มาจากปากและนโยบายที่เต็มไปด้วยปัญหา  อย่างเช่น  ค่าแรงขั้นต่ำสามร้อยบาทและอัตราเงินเดือนปริญญาตรี  มันเป็นนโยบายที่มีช่องโหว่แต่ก็แก้ไขได้ถ้าใจเด็ดและก็ต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า  ไม่มีนโยบายของรัฐบาลใดที่ทำได้อย่างหมดจดและทำได้ตามที่หาเสียงไว้ทุกข้อ   แต่ก็ไม่ควรให้ผิดพลาดอย่างน่าเกลียดหรือน้อย ๆ ก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความพยายามก็แล้วกัน  แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับฟังในวันนี้ซึ่งเป็นวันแถลงนโยบายของรัฐบาล   ข้าพเจ้าเห็นฝ่ายแค้นขึ้นมาอภิปรายและทำให้ข้าพเจ้าต้องถอนใจอย่างหนักเพราะฝ่ายแค้นโจมตีจนเกินงามและพยายามชี้ให้เห็นว่า  เพื่อไทย  จะทำไม่ได้อย่างที่พูด  ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ควรถือสา   เพราะถ้าเขามีดีมีน้ำยาก็คงไม่มาเป็นฝ่ายค้านเสียงข้างน้อยแบบนี้   แต่ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดที่ฝ่ายค้านเอามาอภิปรายโจมตีที่ข้าพเจ้าอยากนำเสนอคือ

การอภิปรายแย้งของพรรคภูมิใจไทยโดย นาย สนอง เทพอักษรณรงค์  คนผู้นี้เป็นใครมาจากไหนข้าพเจ้าไม่อยากรู้จักแต่สิ่งที่เขาพูดทำให้ข้าพเจ้ารู้ถึงปัญญาของนกกระจาบที่หาญกล้าจะตีฝีปากกับพญาอินทรีโดยไม่รู้ถึงกำลังของตัวเองว่ามีปัญญาและกำลังมากน้อยแค่ไหน  แต่ก็ยังกล้าตีสำนวน  นายสนองหยิบกระดาษมาหนึ่งแผ่นแล้วพูดว่า 

"รัฐบาลนี้ไม่ควรวางนโยบายเรื่องปกป้องสถาบันไว้ในนโยบายสี่ปี  แต่ควรจัดเป็นนโยบายเร่งด่วน  ผมไม่เห็นว่านโยบายปากท้องยาเสพติดจะสำคัญไปกว่านโยบายปกป้องสถาบัน  ซึ่งต้องทำอย่างเร่งด่วนและทำอย่างเร่งด่วนเหนืออื่นใด"

ฟังแล้วรู้สึกอะไรกันไหมครับ...  ข้าพเจ้าอาจจะคิดรุนแรงเกินไปแต่อ่านข้อความที่นายสนองพูดทีไรแล้วเจ็บปวดที่นักการเมืองไทยยังคิดแบบนี้  วันนี้ปัญหาปากท้องยังไม่รู้เลยว่าจะแก้ได้ไหม  ยาเสพติดก็รุกลามจนไม่รู้ว่าต้องตายกันอีกกี่ศพกว่าปัญหาเหล่านั้นจะเบาบาง  และมันเป็นปัญหาที่รัฐบาลนี้ต้องเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวที่รัฐบาลเก่าทำไว้เสียด้วย   เพราะประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยคือต้นเหตุแห่งการขึ้นราคาสินค้าจนประชาชนแทบไม่มีเงินจะจับจ่ายและเปนรัฐบาลที่ย่อหย่อนในการปราบปรามยาเสพติด   ดังนั้นรัฐบาลนี้ต้องทุ่มกำลังสุดตัวเพื่อมาแก้ปัญหาที่สำคัญของชาติ  เพราะสองปัญหานี้คือความทุกข์สุขของประชาชนทั้งประเทศ   ถ้าทำสำเร็จประชาชนก็จะมีความสุข  แต่ถ้าทำช้าหรือไม่สำเร็จประชาชนก็จะเดือดร้อนชนิดทุกหย่อมหญ้าเลยทีเดียว   แต่วันนี้สิ่งที่  นายสนอง พูดนั้นมันตอกย้ำให้เห็นว่านักการเมืองที่ควรจะเห็นแก่ความสุขของประชาชนทั้งประเทศกลับหลงลืมหน้าที่ของตนเอง

ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นนโยบายปกป้องสถาบันไม่สำคัญ   ก็สำคัญสำหรับ "ประเทศไทย"  แต่ต้องเป็นไปแบบเหมาะสมไม่ใช่เอาปัญหาอย่างอื่นกองทิ้งไว้แล้วเอาปัญหาอื่นซุกไว้ใต้พรม  เพราะความหมายที่ นายสนอง พูดนั้นตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกว่าจะตีความว่า  ปัญหาอื่นนั้นเก็บไว้ก่อนแล้วแก้เรื่องนี้ให้เสร็จลุล่วงก่อนทำอย่างอื่น

นายสนองครับ  ทุกวันนี้ชาวบ้านยังอดอยากไม่พอเหรอครับ   ประชาชนทุกคนไม่ได้รับรายได้เทียบเท่า ส.ส. อย่างท่านทุกคนนะครับ   และประเทศไทยนั้นเราก็รู้กันอยู่ว่าประเทศไทยเป็นของประชาชนและประชาชนก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของประเทศนี้  ประเทศจะเป็นประเทศได้อย่างไรถ้าไร้ประชาชน   ข้าพเจ้าขอแนะนำให้ท่านไปนอนดูซูสีไทเฮาเวอร์ชั่นญี่ปุ่นก่อนนะครับ  ก่อนจะมาพูดเรื่องราวอะไรแบบนี้ในสภาที่ทรงเกียรติ   และท่านดูจบก็ควรสำนึกไว้เสนอว่าทุกวันนี้ที่ท่านมีเสื้อใส่มีข้าวกินมีอำนาจกร่างได้ทั้งแผ่นดินทุกวันนี้   เพราะประชาชน  ไม่ใช่เพราะคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดนะท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติและจงสำเหนียกไว้เสมอด้วยนะครับว่า  ประชาชนทุกวันนี้เดือดร้อนหนักเพราะรัฐบาลเก่าได้ขี้ทิ้งไว้ได้ทำให้แผ่นดินฟอนเฟะไว้   ดังนั้นท่านไม่ควรหน้าด้านพูดว่าควรทำอะไรก่อนหรือหลัง   แต่ถ้าท่านจะมีสามัญสำนึกอยู่บ้างก็จงจำใส่กบาลไว้ว่า   "ต้องทำเพื่อประชาชนก่อนอื่นใด  ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข  หมดปัญหาเรื่องปากท้อง"

จากนั้นท่านจะไปทำเรื่องห่าอะไรต่อจากนี้ก็ไสหัวไปทำเถอะครับ  แล้วอีกอย่างจะพูดอะไรคิดถึงประชาชนก่อนอื่นได้ไหมอย่าเอาแบบลูกพี่ยี่ห้อยร้อยยี่สิบของคุณ  ที่คิดอะไรไม่ออกก็บีบน้ำตา  กอดเพื่ออำนาจและเอาหลังพิงวัง  มันน่าสมเพช !!!

เข้าใจไหมครับ...  ถ้าไม่เข้าใจก็ไปตายให้หนอนแดกเถอะ  ไอ้ควายเอ๊ย...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น