วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

จดหมายจากคลองกระจง ถึง วู้ดดี้ เกิดมาควาย




ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่ฟังเพลง "คันหู" แล้วบอกได้เลยว่า  "ไม่ชอบ"  แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ได้คิดด่าทออย่างใดเพียงแต่มองว่านี่คือศิลปะในอีกรูปแบบหนึ่งที่ข้าพเจ้าไม่ชอบเท่านั้นเอง   เพลง คันหู นั้นไม่ว่าใครจะมองอย่างไรแต่ข้าพเจ้าก็มองว่ามันเป็นศิลปะอีกมุมหนึ่งที่คนไม่เคยชินอาจเข้าไม่ถึงหรือไม่เคยมองเห็นแต่สำหรับคนที่ตะลุยราตรีมาบ้างและไม่เดียงสากับชีวิตจนเกินไปก็จะเห็นว่าการแสดงแบบนี้เป็นสิ่งที่มีมานานและธรรมดาเหลือเกินในเมืองไทยเพียงแต่ว่าในขณะที่ศิลปะอย่างนั้นเฟื่องฟูประเทศเรายังไม่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้นเอง

ศิลปะกับความสัปดนเป็นของที่อยู่คู่กับคนไทยไม่ว่าจะเป็นภาพวาดในผนังโบสถ์ที่มีการเสพสังวาสหรือเปลือยร่างกายส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นของขลังที่มีทั้งปลัดขิกและเครื่องรางที่เป็นสัญลักษณ์ของเพศแม่   ไม่ว่าจะเป็นภาพยันต์ของม้าที่กำลังเสพสังวาสหรือศิลปะในการแสดงก็มีเพลงฉ่อยลำตัดก็มีหลายกลอนที่มีเนื้อหาทะลุทะลวงเกินคำว่าสองแง่สามง่าม  ยี่เกหรือโขนก็ยังมีการอนาจารหรือโคลงชั้นครูอย่างลิลิตพระลอก็เป็นวรรณกรรมตกขาว   สังคมไทยศิลปะอยู่คู่กับความสัปดนมานานเพียงแต่ในสมัยก่อนต้องใช้จินตนาการมากหน่อยเท่านั้นเอง   แม้แต่สิ่งที่เป็นประเด็นในวันนี้ในรายการวู้ดดี้เรื่องท่าเต้น  ท่าเต้นที่วันนี้เรียกว่า  "ศิลปะแขนงหนึ่ง"  แต่เมื่ออดีตกาลการเต้นนั้นเป็นสิ่งที่สังคมมองในด้านลบ

ไม่นับรวมการรำที่เป็นของคู่ชาติ  ในสมัยก่อนคนไทยก็มองว่าพวกเต้นกินรำกินเป็นคนนอกคอกเป็นคนไม่ดีแต่วันนี้การเต้นเป็นสิ่งที่นิยมในสังคม  แม้ท่าเต้นรูดเสาที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นของอนาจารทุกวันนี้ก็ยังมีคนดังตับเป็ดไปเรียน  เอากับมัน...

ข้าพเจ้าไล่เรียงมาเพื่อให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วสังคมไทยมันอยู่คู่กับคำว่า  อนาจาร  มาตลอดเพียงแต่ว่าผู้พูดจะหยิบมาใช้เมื่อไหร่ในยามที่เห็นสิ่งที่ตนไม่พอใจ   คำว่า อนาจาร  ในสังคมไทยทุกวันนี้ติดอยู่ที่ปลายริมฝีปากของคนแต่ไม่มีใครเลยที่เอ่ยคำนั้นจะมองไปถึงรากฐาน   เวลามีอะไรน่าเกลียดมาก็ยัดเยียดว่าเสื่อม  อย่างในยุคสายเดี่ยวครองเมือง  ศาสดาโบจอยซ์แห่งไทรอัมพ์คิงส์ดอมนั่นปะไร  

วันนี้เหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องจรดนิ้วลงบนแป้นอีกครั้งก็มีเหตุการณ์สืบเนื่องมาจากหลังชมคลิ๊ปรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย  จบ

เพราะเกิดความอึดอัดมากมายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในรายการไม่ว่าจะเป็นท่าทางของพิธีกรหรือแขกรับเชิญที่พิธีกรเชิญมาเพื่อด่าน้องผู้หญิงที่เต้นท่าคันหู   ข้าพเจ้าก็ยอมรับว่าข้าพเจ้าไม่ชอบท่าเต้นของน้องจ๊ะแต่ก็ดูเพื่อให้รู้ว่ามันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในเมืองไทยและปิดคลิ๊ปไปก่อนจะคิดว่านั่นคือชีวิตของเขาและวิธีการในการดำเนินชีวิตของเขา  เขาทำงานของเขาและมันเป็นเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องที่ต้องนำมาดุด่าว่ากล่าวหรือประจานให้เกิดความอับอายทั้งส่วนบุคคลและในส่วนสาธารณะ   เพราะท่าเต้นของน้องเขาถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมาถ้าใครเคยผ่านชีวิตตอนกลางคืนเที่ยวผับบาร์เที่ยวบาร์โคโยตี้บาร์เลาจน์มาบ้างก็จะบอกได้ว่า  นี่คือเรื่องธรรมดาของคนในภาคส่วนที่หากินกับสภาวะแวดล้อมแบบนั้น  

การโชว์ของวงเทอร์โบเป็นลักษณะการโชว์ในสถานที่อโคจรที่มันมีขอบเขตบังคับว่าต้องแสดงอย่างไร   ถ้านักดนตรีนักร้องไม่ลวนลามแขกที่มาเที่ยวก็ต้องเจอแขกที่มาเที่ยวลวนลาม  มันเป็นปกติ  ถึงไม่เต้นแหกแข้งแหกขาแต่งตัวมิดชิดก็ยังเจอลวนลาม  แต่ถ้ามองในประเด็นว่าเสื่อมไหม  ข้าพเจ้าก็มองว่ามันไม่ค่อยดีนักแต่ก็ไม่ได้ว่าเสื่อมเพราะเมืองไทยมีเรื่องที่เสื่อมที่ต้องหยิบเอามาพูดกันมากกว่านี้   ข้าพเจ้ามองว่าท่าเต้นเหล่านี้ก็เป็นท่าเต้นที่หาตามดูได้ทั่วไปไม่ว่าจะชาติไหน   กันส์ แอนด์ โรส  เอกเซล โรส  นักร้องนำก็เต้นไม่ได้น้อยไปกว่าน้องจ๊ะ  ท่าลูบเป้าเขย่าก้นก็ไม่ได้น้อยหน้าและสัปดนน้อยไปกว่าใคร   เพียงแต่คนไทยส่วนหนึ่งชอบมองว่า  ฝรั่งอนาจารได้แต่คนไทยทำมันผิด  ทั้ง ๆ ที่เขาหลงลืมไปว่า  ฝรั่งหรือไทยมันก็คือคนต้องสูดออกซิเจนจากโลกเหมือน ๆ กัน  ฝรั่งหรือไทยมันก็คนต้องกินทางปากและขี้ทางตูดเพียงแต่คนเหล่านั้นชอบหลงคิดไปว่า  วัฒนธรรมไทยมันเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามและวัฒนธรรมรับกับเรื่องเหล่านี้ไม่ได้

แต่อย่างที่ข้าพเจ้าเรียนไปข้างต้นว่า  คนที่คิดแบบนั้นเป็นพวกหลงตัวเองและคร่ำครึเพราะข้าพเจ้าก็เขียนพอคร่าว ๆ แล้วว่า  ในโบสถ์ที่มีพระประธานก็มีภาพหญิงสาวเปลือยนม  มีภาพหญิงชายเสพสังวาสหรือเกี้ยวพาราสีทั้ง ๆ ที่คนไทยชอบหลงตัวเองว่า  เมืองไทยเมืองพุทธ     วรรณกรรมของเราก็เหลวไหลมาเป็นร้อยปีขุนช้างขุนแผนเอยลิลิตพระลอเอย   แม้แต่พระอภัยมณีก็วิปริตเพราะให้คนเสพสังวาสได้แม้กระทั่งอมุษย์หรือเดรัจฉาน   การแต่งกายอีกเล่าเมืองไทยก็น้อยกว่าเขาเสียที่ไหนจนคนที่มาจากประเทศศิวิไลซ์ถึงกับดูถูกเราเอาว่าบ้านป่าเมืองเถื่อน   ในวันที่เราหลงตัวเองว่าเรามีวัฒนธรรม  ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่งดงาม  แต่คนอื่นมองว่าเราบ้านป่าเมืองเถื่อน   แต่เราก็หลอกตัวเองแล้วคิดเข้าข้างตัวเองว่าฝรั่งต่างหากที่ไร้วัฒนธรรมและวิตถารเสียเหลือเกิน

มันเป็นคำหลอกตัวเองที่คนไทยใช้ได้กับคนไทยเท่านั้นครับ   เพราะอย่างวันนี้วู้ดดี้เรียกครูเทียมมาด่าน้องพูดจาดูถูกต่าง ๆ นานา  ข้าพเจ้าอยากจะเรียนว่าครูเทียมไม่ควรอ้างถึงเรื่องอื่นใดเพราะเมื่ออดีตกาลครูเทียมก็เป็นคนนอกสังคมเป็นคนที่คนทั้งสังคมชี้หน้าว่าเป็นคนที่ทำให้สังคมเสื่อมทราม   ข้าพเจ้าอยากเรียนว่าข้าพเจ้าไม่ได้แอนตี้เพศที่สามแต่ประการใดแต่เพียงจะชี้ให้เห็นว่า  ครั้งหนึ่งในอดีตกาลพวกครูเทียมเองก็เป็นคนนอกสังคมเป็นคนที่ทั้งสังคมประณามว่าทำให้วัฒนธรรมเราขาดซึ่งความดีงามเป็นมนุษย์วิปริตที่จดจำเพศตัวเองไม่ได้  วันนี้คนเขายอมรับเพศของครูเทียม  ครูเทียมก็เสนอหน้าแทรกเข้ามาและฉวยโอกาสที่สังคมกำลังหลงตัวเองชี้หน้าด่าคนอื่นว่า  เสื่อมเสีย  ไม่มีศิลปะ  ไม่มีความงดงาม  บางประโยคบางคำพูดของครูเทียมด่าไปถึงโคตรเหง้าศักราชของเขา...   มันเป็นเรื่องอะไรกันเหรอครับ  ไม่ทราบว่าน้องจ๊ะไปฆ่ายกครอบครัวหรืออย่างไรถึงได้พูดจาเสียดสีคนทำมาหากินเสียเช่นนั้น








และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ครูเทียมพูดว่า  "กล้าสาบานไหมว่าทุกคนที่เข้าไปดูไม่ได้ฟังเพลง  เขาไปดูท่าเต้น"   (เพราะครูเทียมเชื่อว่าทุกคนที่เข้าไปดูคลิ๊ปนั้นมันลามกเหมือนกันแบบไม่แยกหญิงชาย)  ข้าพเจ้าถ้าอยู่ในเหตุการณ์คงจะยกมือขึ้นเหนือศรีษะและขออนุญาตต่อประธานเพื่อพูดผ่านไปยังครูเทียมว่า  "สาบานกับกูไหม  เอาให้ตายหมดโคตรเลยนะ"   เพราะข้าพเจ้าเข้าไปดูเพราะไม่รู้ว่าทำไมคนมันพูดถึงเพลงนี้กันจังและคนรอบตัวข้าพเจ้าก็พูดถึงเพลงนี้แต่ไม่เคยพูดถึงท่าเต้น  ข้าพเจ้าเลยสงสัยและเข้าไปดูโดยไม่รู้ว่าเพลงนี้มีท่าเต้นเป็นอย่างไร  เมื่อเข้าไปดูแล้วก็ปิดเพราะไม่ชอบ  ข้าพเจ้าไม่ใช่คนดีมีศีลธรรม  ไอ้เต้นยั่ว ๆ อะไรก็ชอบดูเพียงแต่น้องจ๊ะเต้นไปแล้วไม่ได้สร้างจินตนาการทางเพศของข้าพเจ้าให้สูงขึ้นและไม่เกิดอารมณ์แต่อย่างใด  จึงดูเพื่อให้รู้ว่ามันมีเพลงแบบนี้บนโลกแล้วก็ปิดไป  จ้างให้เปิดซ้ำยังคิดดูก่อนเลย   ดังนั้นครูเทียมปากกล้าดีอย่างไรถึงตู่เอาว่าคนทั้งสิบล้านที่เข้าไปดูเพลงนี้ต้องการเพียงแต่จะดูท่าเต้น...   แต่ดีแล้วครับที่ไม่มีการสาบานกัน   เพราะข้าพเจ้าเองก็ไม่ต้องการให้คนมีฝีมืออย่างครูเทียมตายทั้งโคตร   เพียงแต่บอกไว้เพื่อให้รู้ว่า  อย่าคิดว่าคนทั้งสิบล้านจะบ้าตัณหาเหมือนกันหมด  อย่าคิดว่าคนทั้งสิบล้านจะมีความคิดต่ำ ๆ แบบครูเทียมเสียหมดเท่านั้นเอง








แต่สุดท้ายคนที่ต้องถูกตำหนิมากที่สุดในวันนี้ก็คือ  พิธีกรชื่อดังก้องโลกอย่าง  วู้ดดี้  ผู้ที่กำลังคิดว่าตัวเองเป็นพิธีกรที่เหนือกว่า โอปราห์ วินฟรี่ย์  ข้าพเจ้าดูรายการนี้แล้วคิดได้อย่างเดียวคือ  วู้ดดี้จับน้องจ๊ะมานั่งให้คนด่าและด่าพาลไปถึงโคตรเหง้าศักราชของเธอด้วย  มันเป็นการกระทำที่ไร้สามัญสำนึกและความรู้สึกของความเป็นคน  เมื่อพูดถึงสามัญสำนึกแล้วข้าพเจ้าคงไม่ทวงถามถึงความเป็นสุภาพบุรุษของนายวู้ดดี้อีก   เพราะสามัญสำนึกไม่มีคงไม่ต้องไปถามหาอะไรที่เหนือกว่านั้น   เมื่อดูคำพูดบวกท่าทางที่พูดเป็นการส่วนตัวกับน้องจ๊ะด้วยแล้วข้าพเจ้าแทบจะนึกไม่ออกเลยว่าคน ๆ นี้น่ะเหรอที่เป็นพิธีกรที่หลงตัวเองว่าเป็นเบอร์หนึ่งของเมืองไทย  

นิยามของนายวู้ดดี้ในคืนนี้คือ  "คำพูดทราม  ท่าทางไพร่"  

คุณวู้ดดี้พยายามพูดว่าจะหาทางออกให้สังคมพยายามจะพูดให้คนทั้งประเทศเห็นว่านี่คือปัญหาที่ต้องเอามาบอกเล่าเก้าสิบให้สังคมได้รับรู้และยอมรับถึงปัญหาพร้อมทั้งหาทางแก้ไข   แต่ข้าพเจ้าอยากเรียนว่า  ถ้าเรื่องนี้วู้ดดี้ไม่เอามาออกรายการเสีย  เรื่องนี้ก็คงค่อย ๆ เงียบหายไปเหมือนกรณีเพลงวิตถารท่าเต้นสัปดนอื่น ๆ เหมือนที่สังคมไทยได้เคยผ่านมา   มันจะเป็นแค่ความทรงจำในช่วงหนึ่งที่มาเป็นกระแสให้สังคมฮือฮาแต่คงไม่มีใครเลียนแบบไปให้เป็นสันดานติดตัว   แต่การที่วู้ดดี้เอาออกรายการเช่นนี้มันยิ่งทำให้คนที่ไม่ได้รู้ก็รู้  คนที่ไม่เคยเห็นก็อยากเห็น  เรื่องที่ควรจะจบไปแล้วก็เลยยังเป็นเรื่องที่ยังไม่จบ   ซ้ำร้ายเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทางออกอะไรเลยเพียงแต่จะได้ความสะใจของใครบางคนที่ได้จับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกับคน ๆ หนึ่งที่ทำมาหากินอย่างบริสุทธิ์มาจับมัดแขนขาแล้วให้คนอื่น ๆ มากระทืบอย่างสาสม

แต่ข้าพเจ้าดีใจอย่างยิ่งที่เสียตอบกลับของคนไทยในสังคมนี้ไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่วู้ดดี้และผู้ร่วมรายการที่เขาเชิญมามอง   สังคมจึงตอบกลับอย่างเจ็บแสบได้มีการต่อต้านและด่าทอนายวู้ดดี้และครูเทียมอย่างเผ็ดร้อน   มันอาจไม่ใช่สังคมในฝันของวู้ดดี้และในความจริงก็ไม่ใช่สังคมในฝันของใครหลาย ๆ คน   เพราะแม้นมีคนออกมาต่อต้านวู้ดดี้แต่ก็มีบางคนที่ออกมาด่าทอน้องจ๊ะอย่างเมามัน  โดยหลงลืมไปว่า  การโชว์นั้นคือการหากินที่สุจริตอย่างหนึ่งโดยที่ไม่ต้องไปแย่งขนมหมากิน   ข้าพเจ้ามองไม่ออกว่าการเต้นยั่วยวนนั้นเลวร้ายกว่าการกินขนมหมาเรียกเรตติ้งอย่างไร   การเต้นยั่วยวนของน้องจ๊ะข้าพเจ้าก็ยังเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ามันเป็นการกระทำที่มีศักดิ์ศรีกว่าการเรียกหมาว่าคุณและกินขนมของหมาเพื่อประจบเอาใจเจ้านายของสุนัขตัวนั้นด้วยซ้ำไป   เพราะข้าพเจ้ามองว่าน้องจ๊ะแม้เขาต้องเต้นท่าที่น่าอายในสายตาของใครบางคนแต่มันก็เป็นการพึ่งลำแข้งตัวเองหากิน  ใช้ความสามารถ  ไม่ได้ขายศักดิ์ศรีให้สุนัขและขายความเป็นคนเพื่อค่าโฆษณา  

เรื่องนี้ข้าพเจ้ามองว่า  มันเป็นของคู่โลก  ไม่ว่าที่ไหนในโลกนี้ก็ต้องการที่จะชมก็ต้องการที่จะเห็นการเต้นและการแสดงแบบนี้   แม้ในสังคมไทยที่อ้างว่าตนเป็นเมืองพุทธมีวัฒนธรรมที่สวยงามเลิศล้ำ   แต่ก็น่าแปลกที่ประเทศของเราแม้อ้างว่าเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมมีศีลธรรมจรรยาแต่คนในชาติกลับนิยมดูการเต้นเชิงนี้และนิยมฟังเพลงที่มีเนื้อหาสองแง่สามง่าม   ข้าพเจ้าเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าคนในชาติเรามีศีลธรรมจริงเพลงคันหูคงขายไม่ได้และเป็นข่าวฮือฮาได้รับความนิยมอย่างทุกวันนี้หรอก  แต่ในทางกลับกันจะมองว่าคนในชาติเราเลวทรามก็หาได้ไม่ที่มีจิตฝักใฝ่ชื่นชอบเพลงแบบนี้   ว่าไม่ได้เลย...

เพราะมันเป็น  ธรรมชาติของมนุษย์  ที่นิยมของตื่นตาตื่นใจและทำให้หัวใจเต้นแรง

มีเพียงอมนุษย์เท่านั้นแหล่ะที่มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องผิดปกติ  เป็นความเสื่อม  มองว่าเป็นสิ่งที่ไร้วัฒนธรรมหรือศิลปะชั้นต่ำ   เพราะจริง ๆ แล้วศิลปะมันอยู่ที่คนทำไม่ใช่คนดู   แม้ศิลปะที่ทำเพื่อการเลี้ยงปากท้องก็นับว่าเป็นศิลปะชั้นดี   แต่ศิลปะการกินขนมหมานี่สิ...  ช่วยบอกทีเถอะวู้ดดี้  มันเป็นศิลปะชั้นดักดานอันใดกัน

เจริญพร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น