มีตำนานมากกว่ามากในโลกนี้ที่บ่งบอกและสร้างขึ้นถึงความเป็นชนชาติต่าง ๆ ส่วนใหญ่มักจะอิงองค์เทพไท้บนฟ้าเป็นสำคัญโดยเฉพาะตำนานการ "สร้างชาติ" ของประเทศแถบเอเซีย จีนก็มีเรื่องเล่าซึ่งข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าเหมาเอา ไคเภ็ก เป็นตำนานนั้นได้หรือไม่ ญี่ปุ่นก็มีตำนานแห่งสุริยเทวี ถ้าจำไม่ผิดประเทศไทยจะเป็นพระอินทร์ลงมามีบทบาทเสียมาก แม้ในชนเผ่าเล็ก ๆ ก็ยังมีแบบชาวเผ่าหนี่เจินที่เป็นต้นกำเนิดแห่งชนชาติแมนจูก็ยังมี ตำนานนั้นพิศดารมากและก็วิปริตเกินที่ข้าพเจ้าจะจำได้หวาดไหว จำได้แต่เพียงว่ามีนกสวรรค์ตัวหนึ่งไข่ออกมาใส่ปากผู้หญิงนางหนึ่งพอผู้หญิงกินไข่นกไปแล้วก็ตั้งท้องแล้วถือกำเนิดออกมาเป็น ต้นตระกูลไอซินเจียหลอ... ชาวหนี่เจินจึงภูมิใจในสายเลือดของตัวเองมากว่าเป็นสายเลือดสูงส่งมาจากสวรรค์โดยตรง ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วพวกหนี่เจินเป็นชนเผ่าเล็ก ๆ หาของป่าล่าสัตว์เป็นสำคัญ แต่เขาก็ยังภูมิใจ... ไม่ว่ากัน
แต่นั่นคือตำนานและไม่มีใครพิสูจน์ได้แต่ตำนานการสร้างชาติต้าชิงของพวกหนี่เจินที่มีเอกสารทางประวัติศาสตร์รับรองนั้นเป็นตำนานการสร้างชาติที่เริ่มต้นจาก นูรฮาชี หรือ นูเอ๋อฮาเช่อ ดังนั้นข้าพเจ้าจะเขียนชื่อใดในสองชื่อนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะมันก็คือคน ๆ เดียวกันนั่นแหล่ะ นูรฮาชีนั้นเป็นคนล่าสัตว์เก็บของป่าเลี้ยงสัตว์เหมือนชาวเผ่าคนอื่น ๆ แต่วันหนึ่งสถานการณ์บีบ ประเทศต้าหมิงที่เป็นขาใหญ่ในยุคนั้นได้บีบคั้นคนหนี่เจินโดยการดำเนินนโยบายให้หนี่เจินฆ่าหนี่เจิน เผ่าของนูรฮาชีถูกฆ่ายกเผ่าพ่อแม่ปู่ย่าของเขาถูกฆ่าสิ้น เหลือรอดออกมาก็เพียงเล็กน้อย แต่ด้วยความแค้นทำให้นูรฮาชีต้องสู้เขารวบรวมชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งทำศึกครั้งแรกในชีวิตของเขา และตำนานนั้นก็กลายมาเป็นความภาคภูมิใจของราชวงศ์แมนจูในยุคต่อ ๆ มา
ความภูมิใจนั้นมาในรูปแบบคำพูดที่ว่า "อาณาจักรต้าชิงนั้นสร้างชาติจากเสื้อเกราะสิบสามตัว"
คำพูดนี้ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่เพราะคู่ต่อสู้ของศึกครั้งนั้นคือ นี่หังไอลัน เป็นหัวหน้าเผ่าหนึ่งที่มีกองกำลังถึงห้าพันหรือเกือบ ๆ จะห้าพันคน ดังนั้นถ้าเราฟังแต่คำพูดจะเห็นว่า นูรฮาชี ต่อสู้กับคนห้าพันด้วยทหารเพียงสิบสามคน (ไม่ทราบว่านับตัวขุนทัพอย่าง นูรฮาชี หรือไม่) ฟังดูแล้วน่าภูมิใจในความเก่งกาจของชาวต้าชิงไหมล่ะ... สิบสามคนรบชนะห้าพันเชียวนะ...
ถ้าฟังแล้วปล่อยผ่านก็ช่างเถิด จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ในยุคนี้จะเจาะลึกแล้วหาข้อมูลให้ลึกไปจะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่สุดยอดจริง ๆ เพราะเป็นคำกล่าวอ้างที่ถ่ายทอดกันมาตลอดรุ่นต่อรุ่นและภูมิใจกันมากมายกับตำนานการสร้างชาติของราชวงศ์ชิง แต่อย่างที่บอกไปว่าเรื่องนี้สุดท้ายแล้วมันเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น เพราะถ้าเจาะลึกลงไปจะเห็นได้ว่า ในเวลานั้นที่นูรฮาชีทำศึกได้ขอความร่วมมือจากเผ่าต่าง ๆ มากมาย รวบรวมคนได้จำนวนหนึ่งซึ่งไม่เกินห้าร้อยแต่ไม่ถึงพัน แต่ที่กล่าวว่าทำศึกจากเกราะสิบสามตัวนั้น มันมาจากว่าพวกนูรฮาชีนั้นเป็นพวกยากจน ไม่มีเกราะทำศึกที่ใช้การได้ดี เหลือแต่เกราะเก่า ๆ เพียงสิบสามชุด ทหารที่มีเกราะใส่นั้นคือสิบสามคนแต่ไอ้ทหารเหมือนกันแต่ไม่มีเกราะใส่นั้นหลายร้อย... เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับท่านสารวัตร
แต่อย่างไรก็ดีก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านูรฮาชีเป็นคนมีความสามารถ รบพุ่งเก่งเพราะถ้าไม่เก่งก็คงนำทัพแบบหนึ่งสู้สิบไม่ได้อย่างนี้ แต่ถ้าเราอ่านเรื่องราวของเขาก็เห็นว่าเป็นไปได้เพราะนูรฮาชีแม้เป็นคนเผ่าแต่เขาก็ชอบอ่านหนังสือโดยเฉพาะสามก๊กและเรียนรู้ประวัติศาสตร์การศึก จึงเป็นไปได้ที่เขาจะชนะการรบแบบหนึ่งสู้สิบได้ เพราะคู่ต่อสู้ของเขาก็ไม่ได้เป็นคนเก่งกาจอะไรเพียงแต่ราชวงศ์หมิงหนุนหลังเขาก็เท่านั้น แต่มันก็เป็นคนละเรื่องกับคำกล่าวขวัญ ความจริงเรื่องหนึ่งคำสรรเสริญเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คำสรรเสริญที่เกินจริงก็เป็นเรื่องที่สร้างความงมงายและนานไปจะหลงตัวเองเหมือนดั่งรุ่นหลัง ๆ ของราชวงศ์แมนจูที่มีฮ่องเต้เฟอะฟะแต่หลอกตัวเองว่ามีบารมีและมากด้วยความสามารถ ให้คนออกมาเยินยอนิยมคำสอพลอโดยไม่ได้รู้ว่าตัวเองเก่งจริงหรือไม่ อย่างไร...
คำสรรเสริญเยินยอที่มีให้นูรฮาชีนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นโฆษณาที่เกินจริงแต่ก็มีมูลแห่งความสามารถจริง ดังนั้นข้าพเจ้าก็ร่วมภูมิใจและซาบซึ้งกับเขาไปด้วย แต่อย่างที่บอกไปในยุคหลัง ๆ ก็ให้มีการสรรเสริญตัวเองอย่างบ้าคลั่งโดยเฉพาะจักรพรรดิเฉียนหลง อันนี้เลอะเทอะเพราะโปรดให้คนแต่งคำเยินยอสรรเสริญตั้งฉายาถวายความเป็นมหาราช และสุดท้ายก็บ้าคำเยินยอถึงกับเขียนคำสรรเสริญตัวเองและแต่งตั้งตัวเองเป็น "ผู้ชนะสิบทิศ" (ไม่รู้ว่ายุคนั้นทำศึกกับพม่ามากไปหรือเปล่า) แต่ก็ยังถกเถียงกันอยู่ว่าเฉียนหลงเก่งจริงหรือไม่... แต่ก็มีข้อโต้แย้งกันมากหลาย เพราะบางอันคนยุคหลังก็มีข้อโต้แย้งว่า เฉียนหลงไมได้เก่งจริงเป็นคำเยินยอที่เลอะเทอะ บ้างก็กล่าวว่าเฉียนหลงไมได้เก่งจริงแต่แอบอ้างผลงานคนอื่นมาเป็นผลงานตัวเอง บางคนก็เสนอข้อมูลว่าคำสรรเสริญของเฉียนหลงไม่เป็นจริงเลย เพียงแต่เขาเก็บเกี่ยวเอาผลประโยชน์จากคนรุ่นก่อน ๆ มาเท่านั้น
ก็ว่ากันไป...
ดังนั้นเรื่องคำสรรเสริญหรือการโฆษณาเกินจริงเป็นเรื่องอันตรายเหลือเกินสำหรับการศึกษาประวัติศาสตร์เพราะมันทำให้คนรุ่นหลังดูถูกฮ่องเต้องค์ที่ถูกขุดคุ้ย ถ้าเก่งจริงก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าเก่งไม่จริงแต่ชอบแอบอ้าง ก็จะถูกเอามาแฉอย่างเฉียนหลงแล้วคนจะมองเขาว่าเป็นแค่ คนลวงโลก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คำสรรเสริญเยินยอที่เกินจริง มักจะนำไปสู่การขุดคุ้ย ถ้าไม่เก่งไม่ดีจริง อย่ายกหางตัวเอง คนเขาจะมองว่า คุณมันแค่คนลวงโลกหลอกลวงประชาชน"
เจริญพร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น