วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

คนลวงโลก





มีตำนานมากกว่ามากในโลกนี้ที่บ่งบอกและสร้างขึ้นถึงความเป็นชนชาติต่าง ๆ ส่วนใหญ่มักจะอิงองค์เทพไท้บนฟ้าเป็นสำคัญโดยเฉพาะตำนานการ "สร้างชาติ" ของประเทศแถบเอเซีย  จีนก็มีเรื่องเล่าซึ่งข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าเหมาเอา ไคเภ็ก เป็นตำนานนั้นได้หรือไม่  ญี่ปุ่นก็มีตำนานแห่งสุริยเทวี  ถ้าจำไม่ผิดประเทศไทยจะเป็นพระอินทร์ลงมามีบทบาทเสียมาก   แม้ในชนเผ่าเล็ก ๆ ก็ยังมีแบบชาวเผ่าหนี่เจินที่เป็นต้นกำเนิดแห่งชนชาติแมนจูก็ยังมี   ตำนานนั้นพิศดารมากและก็วิปริตเกินที่ข้าพเจ้าจะจำได้หวาดไหว  จำได้แต่เพียงว่ามีนกสวรรค์ตัวหนึ่งไข่ออกมาใส่ปากผู้หญิงนางหนึ่งพอผู้หญิงกินไข่นกไปแล้วก็ตั้งท้องแล้วถือกำเนิดออกมาเป็น  ต้นตระกูลไอซินเจียหลอ...   ชาวหนี่เจินจึงภูมิใจในสายเลือดของตัวเองมากว่าเป็นสายเลือดสูงส่งมาจากสวรรค์โดยตรง  ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วพวกหนี่เจินเป็นชนเผ่าเล็ก ๆ หาของป่าล่าสัตว์เป็นสำคัญ   แต่เขาก็ยังภูมิใจ...  ไม่ว่ากัน

แต่นั่นคือตำนานและไม่มีใครพิสูจน์ได้แต่ตำนานการสร้างชาติต้าชิงของพวกหนี่เจินที่มีเอกสารทางประวัติศาสตร์รับรองนั้นเป็นตำนานการสร้างชาติที่เริ่มต้นจาก นูรฮาชี หรือ นูเอ๋อฮาเช่อ  ดังนั้นข้าพเจ้าจะเขียนชื่อใดในสองชื่อนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะมันก็คือคน ๆ เดียวกันนั่นแหล่ะ   นูรฮาชีนั้นเป็นคนล่าสัตว์เก็บของป่าเลี้ยงสัตว์เหมือนชาวเผ่าคนอื่น ๆ แต่วันหนึ่งสถานการณ์บีบ  ประเทศต้าหมิงที่เป็นขาใหญ่ในยุคนั้นได้บีบคั้นคนหนี่เจินโดยการดำเนินนโยบายให้หนี่เจินฆ่าหนี่เจิน   เผ่าของนูรฮาชีถูกฆ่ายกเผ่าพ่อแม่ปู่ย่าของเขาถูกฆ่าสิ้น   เหลือรอดออกมาก็เพียงเล็กน้อย  แต่ด้วยความแค้นทำให้นูรฮาชีต้องสู้เขารวบรวมชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งทำศึกครั้งแรกในชีวิตของเขา   และตำนานนั้นก็กลายมาเป็นความภาคภูมิใจของราชวงศ์แมนจูในยุคต่อ ๆ มา 

ความภูมิใจนั้นมาในรูปแบบคำพูดที่ว่า  "อาณาจักรต้าชิงนั้นสร้างชาติจากเสื้อเกราะสิบสามตัว"

คำพูดนี้ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่เพราะคู่ต่อสู้ของศึกครั้งนั้นคือ นี่หังไอลัน เป็นหัวหน้าเผ่าหนึ่งที่มีกองกำลังถึงห้าพันหรือเกือบ ๆ จะห้าพันคน  ดังนั้นถ้าเราฟังแต่คำพูดจะเห็นว่า  นูรฮาชี  ต่อสู้กับคนห้าพันด้วยทหารเพียงสิบสามคน  (ไม่ทราบว่านับตัวขุนทัพอย่าง นูรฮาชี หรือไม่)  ฟังดูแล้วน่าภูมิใจในความเก่งกาจของชาวต้าชิงไหมล่ะ...   สิบสามคนรบชนะห้าพันเชียวนะ...

ถ้าฟังแล้วปล่อยผ่านก็ช่างเถิด  จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่  แต่สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ในยุคนี้จะเจาะลึกแล้วหาข้อมูลให้ลึกไปจะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่สุดยอดจริง ๆ เพราะเป็นคำกล่าวอ้างที่ถ่ายทอดกันมาตลอดรุ่นต่อรุ่นและภูมิใจกันมากมายกับตำนานการสร้างชาติของราชวงศ์ชิง   แต่อย่างที่บอกไปว่าเรื่องนี้สุดท้ายแล้วมันเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น   เพราะถ้าเจาะลึกลงไปจะเห็นได้ว่า  ในเวลานั้นที่นูรฮาชีทำศึกได้ขอความร่วมมือจากเผ่าต่าง ๆ มากมาย  รวบรวมคนได้จำนวนหนึ่งซึ่งไม่เกินห้าร้อยแต่ไม่ถึงพัน  แต่ที่กล่าวว่าทำศึกจากเกราะสิบสามตัวนั้น  มันมาจากว่าพวกนูรฮาชีนั้นเป็นพวกยากจน  ไม่มีเกราะทำศึกที่ใช้การได้ดี   เหลือแต่เกราะเก่า ๆ เพียงสิบสามชุด   ทหารที่มีเกราะใส่นั้นคือสิบสามคนแต่ไอ้ทหารเหมือนกันแต่ไม่มีเกราะใส่นั้นหลายร้อย...   เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับท่านสารวัตร

แต่อย่างไรก็ดีก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านูรฮาชีเป็นคนมีความสามารถ  รบพุ่งเก่งเพราะถ้าไม่เก่งก็คงนำทัพแบบหนึ่งสู้สิบไม่ได้อย่างนี้  แต่ถ้าเราอ่านเรื่องราวของเขาก็เห็นว่าเป็นไปได้เพราะนูรฮาชีแม้เป็นคนเผ่าแต่เขาก็ชอบอ่านหนังสือโดยเฉพาะสามก๊กและเรียนรู้ประวัติศาสตร์การศึก  จึงเป็นไปได้ที่เขาจะชนะการรบแบบหนึ่งสู้สิบได้  เพราะคู่ต่อสู้ของเขาก็ไม่ได้เป็นคนเก่งกาจอะไรเพียงแต่ราชวงศ์หมิงหนุนหลังเขาก็เท่านั้น    แต่มันก็เป็นคนละเรื่องกับคำกล่าวขวัญ  ความจริงเรื่องหนึ่งคำสรรเสริญเป็นอีกเรื่องหนึ่ง   คำสรรเสริญที่เกินจริงก็เป็นเรื่องที่สร้างความงมงายและนานไปจะหลงตัวเองเหมือนดั่งรุ่นหลัง ๆ ของราชวงศ์แมนจูที่มีฮ่องเต้เฟอะฟะแต่หลอกตัวเองว่ามีบารมีและมากด้วยความสามารถ  ให้คนออกมาเยินยอนิยมคำสอพลอโดยไม่ได้รู้ว่าตัวเองเก่งจริงหรือไม่  อย่างไร...

คำสรรเสริญเยินยอที่มีให้นูรฮาชีนั้น  ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นโฆษณาที่เกินจริงแต่ก็มีมูลแห่งความสามารถจริง  ดังนั้นข้าพเจ้าก็ร่วมภูมิใจและซาบซึ้งกับเขาไปด้วย   แต่อย่างที่บอกไปในยุคหลัง ๆ ก็ให้มีการสรรเสริญตัวเองอย่างบ้าคลั่งโดยเฉพาะจักรพรรดิเฉียนหลง  อันนี้เลอะเทอะเพราะโปรดให้คนแต่งคำเยินยอสรรเสริญตั้งฉายาถวายความเป็นมหาราช   และสุดท้ายก็บ้าคำเยินยอถึงกับเขียนคำสรรเสริญตัวเองและแต่งตั้งตัวเองเป็น  "ผู้ชนะสิบทิศ"  (ไม่รู้ว่ายุคนั้นทำศึกกับพม่ามากไปหรือเปล่า)   แต่ก็ยังถกเถียงกันอยู่ว่าเฉียนหลงเก่งจริงหรือไม่...  แต่ก็มีข้อโต้แย้งกันมากหลาย   เพราะบางอันคนยุคหลังก็มีข้อโต้แย้งว่า  เฉียนหลงไมได้เก่งจริงเป็นคำเยินยอที่เลอะเทอะ   บ้างก็กล่าวว่าเฉียนหลงไมได้เก่งจริงแต่แอบอ้างผลงานคนอื่นมาเป็นผลงานตัวเอง  บางคนก็เสนอข้อมูลว่าคำสรรเสริญของเฉียนหลงไม่เป็นจริงเลย   เพียงแต่เขาเก็บเกี่ยวเอาผลประโยชน์จากคนรุ่นก่อน ๆ มาเท่านั้น  

ก็ว่ากันไป...

ดังนั้นเรื่องคำสรรเสริญหรือการโฆษณาเกินจริงเป็นเรื่องอันตรายเหลือเกินสำหรับการศึกษาประวัติศาสตร์เพราะมันทำให้คนรุ่นหลังดูถูกฮ่องเต้องค์ที่ถูกขุดคุ้ย  ถ้าเก่งจริงก็ไม่ว่ากัน  แต่ถ้าเก่งไม่จริงแต่ชอบแอบอ้าง  ก็จะถูกเอามาแฉอย่างเฉียนหลงแล้วคนจะมองเขาว่าเป็นแค่  คนลวงโลก

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า   "คำสรรเสริญเยินยอที่เกินจริง  มักจะนำไปสู่การขุดคุ้ย  ถ้าไม่เก่งไม่ดีจริง  อย่ายกหางตัวเอง  คนเขาจะมองว่า  คุณมันแค่คนลวงโลกหลอกลวงประชาชน"

เจริญพร


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น